เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเพื่อลูกน้อย แบบกระชับเน้นเนื้อไม่เน้นน้ำ เพื่อพ่อแม่ โดยพ่อแม่ที่ขี้เกียจอ่านเยอะ
เนื้อหานี้เหมาะสำหรับเด็กช่วงอายุ
ตั้งแต่
เริ่มตั้งครรภ์
จนถึง
ก่อนคลอด

อาการคนท้องแรกๆ ที่คุณแม่ควรรู้ สังเกตสัญญาณเบื้องต้นเพื่อเตรียมพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ

อาการคนท้องแรกๆมักแสดงออกผ่านความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย คัดเต้านม หรือปัสสาวะบ่อย ถือเป็นอาการท้องเบื้องต้นที่พบได้บ่อย ซึ่งอาการคนท้องเหล่านี้คล้ายกับอาการก่อนมีประจำเดือน ทำให้หลายคนไม่ทันสังเกตว่าเป็นอาการคนท้องอ่อนๆ การทำความเข้าใจลักษณะคนท้องและอาการเตือนคนเริ่มท้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่สามารถเตรียมตัวได้ตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์

สัญญาณอาการคนท้องแรกๆที่ควรรู้

สรุปคำถามสำคัญ ให้ตรงนี้แล้ว!  ถ้ารีบอ่านแค่นี้ไปดูลูกต่อได้เลย!
สรุปคำถามสำคัญ ให้ตรงนี้แล้ว! 
1.

อาการคนท้องแรกๆ มีอะไรบ้าง?

อาการคนท้องอ่อนๆที่พบบ่อยในช่วงเริ่มต้น ได้แก่ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ คัดเต้านม หรืออารมณ์แปรปรวนโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งถือเป็นอาการคนท้องแรกๆ และอาจเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้องที่ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด

2.

แยกอาการคนท้องจาก PMS อย่างไร?

อาการคนท้องแรกๆอาจคล้ายอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) เช่น เจ็บเต้านม อยากอาหาร หรืออ่อนเพลีย แต่หากอาการยังคงต่อเนื่องหลังประจำเดือนขาดอย่างน้อย 7 วัน และมีอาการคนท้องแรกเริ่ม เช่น คลื่นไส้ หรือเหม็นอาหาร อาจเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้องที่ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด

3.

เช็กชัดให้มั่นใจว่าท้องหรือไม่

เมื่อเริ่มมีอาการคนท้องแรกๆ ควรเริ่มสังเกตอาการคนท้องอย่างใกล้ชิด และตรวจปัสสาวะด้วยชุดตรวจครรภ์ หากผลยังไม่ชัดเจน อาจเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหรืออัลตราซาวด์ เพื่อยืนยันว่าเป็นสัญญาณเบื้องต้นของการตั้งครรภ์หรือไม่

ต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมรึเปล่า? เราเรียบเรียงไว้ให้แล้ว!

อาการคนท้องแรกๆ มีกี่แบบ? ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่สังเกตได้ในช่วงเริ่มต้น

อาการคนท้องแรกๆ ได้แก่

  • คลื่นไส้หรืออาเจียน โดยเฉพาะช่วงเช้า
  • ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
  • คัดตึงหรือเจ็บเต้านม
  • อ่อนเพลีย ง่วงนอนบ่อย
  • อารมณ์แปรปรวนอย่างไม่มีสาเหตุ
  • ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
  • หิวบ่อย หรืออยากอาหารเฉพาะบางอย่าง

อาการเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มอาการของคนท้องแรกๆ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระยะแรก อาจแสดงอาการคนท้องแรกๆหลายแบบพร้อมกัน ในขณะที่บางรายอาจมีเพียงบางอาการ หากเริ่มมีอาการเตือนคนเริ่มท้องเหล่านี้ ควรเฝ้าสังเกตอย่างสม่ำเสมอ เพราะถือเป็นสัญญาณของอาการคนท้องอ่อนๆ และเป็นหนึ่งในอาการของคนตั้งครรภ์ ที่สามารถใช้พิจารณาเบื้องต้นได้ 

 

แยกความต่างระหว่างอาการก่อนมีประจำเดือนกับอาการคนท้องแรกๆ อย่างไร

อาการคนท้องแรกๆ กับ อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) อาจมีลักษณะคล้ายกัน เช่น เจ็บเต้านม เหนื่อยง่าย หงุดหงิด และอยากอาหาร อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างมีดังนี้:

  • อาการก่อนมีประจำเดือนมักเกิดขึ้นก่อนรอบเดือนประมาณ 1 สัปดาห์ และจะหายไปหลังมีประจำเดือน
  • อาการคนท้องแรกๆ จะยังคงอยู่ต่อเนื่องแม้ประจำเดือนขาด และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ ปัสสาวะบ่อย คัดเต้านมมากกว่าปกติ และไวต่อกลิ่น

หากสงสัยว่าคนท้องมีอาการยังไง และไม่สามารถแยกจาก PMS ได้ ให้สังเกตอาการหลังมีประจำเดือนขาดอย่างน้อย 7-10 วัน และตรวจครรภ์เพื่อความแน่ชัด

ในกรณีที่เริ่มมีความผิดปกติ เช่น คลื่นไส้เฉพาะช่วงเช้า อ่อนเพลียเรื้อรัง หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงมากผิดปกติ อาจเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้องหรืออาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 เดือน ซึ่งควรติดตามอย่างใกล้ชิด การสังเกตและประเมินอาการเริ่มแรกของคนท้องอย่างละเอียดจะช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นว่าจะเริ่มดูแลสุขภาพแบบหญิงตั้งครรภ์หรือไม่ 

 

ช่วงเวลาสำคัญ อาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ มีอะไรบ้าง?

ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการปฏิสนธิ ร่างกายอาจเริ่มแสดงอาการคนท้องแรกๆ แม้อาการบางอย่างจะไม่ชัดเจน แต่สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นได้จากสัญญาณต่อไปนี้: 

  • อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้นแม้ดื่มน้ำปกติ
  • คัดตึงเต้านมหรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
  • ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
  • ไวต่อกลิ่น หรือมีคลื่นไส้เป็นช่วง ๆ

อาการเหล่านี้เป็นอาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ที่สัมพันธ์กับระดับฮอร์โมน hCG และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เริ่มเปลี่ยนแปลง จึงเป็นสัญญาณคนท้องระยะแรกที่สามารถใช้ประเมินเบื้องต้นได้ หากมีอาการเตือนคนเริ่มท้องร่วมกับการขาดประจำเดือน ควรเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดและตรวจครรภ์ภายใน 7-10 วันเพื่อยืนยัน โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 เดือน เช่น คลื่นไส้ตอนเช้า เหนื่อยง่ายผิดปกติ หรืออารมณ์แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอาการที่มักแสดงชัดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่สอง

อาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ มีอะไรบ้าง

 

อาการเตือนคนเริ่มท้อง ที่ควรจับตาเป็นพิเศษ

อาการที่แสดงในช่วงเริ่มตั้งครรภ์มักเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันแรกหลังปฏิสนธิ โดยอาจสังเกตได้จากอาการคนท้องแรกๆที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ อ่อนเพลียผิดปกติ ปวดหน่วงท้องน้อย คัดเต้านม ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้เฉพาะช่วงเช้า หรือไวต่อกลิ่นมากกว่าปกติ

ในบางราย อาจเริ่มแสดงอาการคนท้อง3วันที่ยังไม่ชัดเจน เช่น เหนื่อยง่ายหรือรู้สึกไม่สบายตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่หากมีหลายอาการร่วมกันและประจำเดือนขาด อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังมีอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 เดือน อาการในช่วงนี้จัดเป็นอาการคนท้องแรกเริ่ม ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เริ่มส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย 

แม้อาการบางอย่างจะคล้ายกับอาการก่อนมีประจำเดือน แต่หากไม่หายภายใน 1 สัปดาห์ ควรตรวจการตั้งครรภ์ การทำความเข้าใจอาการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มต้นมีความสำคัญ เพราะหากสามารถประเมินอาการคนตั้งครรภ์ช่วงแรกได้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณแม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและเริ่มดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

 

ควรทำอย่างไรเมื่อสงสัยว่าท้อง? ขั้นตอนเบื้องต้นเพื่อเช็กให้ชัวร์

หากเริ่มมีอาการคนท้องแรกๆร่วมกับประจำเดือนขาด ควรประเมินว่าอาจเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้อง โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาณเพิ่มเติม เช่น คลื่นไส้ตอนเช้า หรือเหม็นอาหาร ซึ่งอาจเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 เดือน การเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อแยกความแตกต่างจากภาวะอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาการคนท้อง แนวทางต่อไปนี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบและยืนยันการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนขึ้น

 

1.ใช้ที่ตรวจครรภ์ในช่วงที่เหมาะสม

หากมีอาการคนท้องเริ่มแรก ควรใช้ที่ตรวจครรภ์ภายใน 7–10 วันหลังจากประจำเดือนขาด เพื่อความแม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการคนท้องแรกๆชัดเจน การตรวจในช่วงเช้าจะให้ผลดีที่สุด เพราะฮอร์โมน hCG อยู่ในระดับสูง หากตรวจแล้วพบผลไม่ชัดเจน เช่น ขึ้นขีดจาง หรือไม่ขึ้นเลย แต่มีอาการเตือนคนเริ่มท้องอย่างต่อเนื่อง ควรเว้นระยะในการตรวจซ้ำภายหลังประมาณ 2-3 วัน เพราะระดับฮอร์โมนอาจยังไม่สูงพอ การตรวจซ้ำจะช่วยยืนยันว่ามีความเกี่ยวข้องกับอาการคนท้องจริงหรือไม่ และควรตรวจเพิ่มเติมกับแพทย์หากยังไม่แน่ใจ

 

2.ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อยืนยัน

การตรวจอัลตราซาวด์ช่วยยืนยันการตั้งครรภ์ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในกรณีที่เริ่มมีอาการคนท้องเริ่มแรก แต่ผลจากชุดตรวจครรภ์ให้ผลไม่ชัดเจนแม้จะมีอาการเริ่มแรกของคนท้องอย่างต่อเนื่อง การทำอัลตราซาวด์จะช่วยตรวจสอบการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูกได้โดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการคนท้องอ่อนๆ หรืออาการคนท้องแรกๆ และต้องการยืนยันการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนด้วยวิธีทางการแพทย์

 

3.เข้าพบแพทย์หากยังไม่แน่ใจ

ในกรณีที่มีอาการคนท้องเริ่มแรกแต่ผลจากการตรวจด้วยตัวเองยังไม่ชัดเจน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันเพิ่มเติมโดยเฉพาะหากมีอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 เดือน เช่น คลื่นไส้ตอนเช้า เหนื่อยง่าย หรือไวต่อกลิ่น การประเมินโดยแพทย์จะช่วยแยกอาการได้แม่นยำขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการคนท้องแรกๆหรืออาการคนท้องอ่อนๆ และต้องการความชัดเจนเพื่อเริ่มต้นการดูแลสุขภาพครรภ์อย่างเหมาะสม

 

อาการคนท้องในแต่ละช่วงแตกต่างกันอย่างไร?

ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ร่างกายจะเริ่มแสดงอาการคนท้องแรกๆ เช่น อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย และคัดเต้านม ซึ่งมักไม่รุนแรงและอาจถูกมองข้ามได้ง่าย เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3-4 จะเริ่มมีอาการคนท้องเริ่มแรกชัดเจนขึ้น เช่น คลื่นไส้ตอนเช้า เหม็นอาหาร หรือไวต่อกลิ่น โดยเกิดจากระดับฮอร์โมน hCG ที่เพิ่มสูงขึ้น อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการของคนท้องแรกๆที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์

หากมีหลายอาการเกิดขึ้นพร้อมกันและเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้องที่ควรได้รับการตรวจยืนยัน เพื่อเข้าสู่การดูแลครรภ์อย่างเหมาะสมตามระยะเวลา

 

อาการคนท้องในแต่ละช่วงแตกต่างกัน

เมื่อไรควรพบแพทย์ หากมีอาการน่าสงสัย?

หากมีอาการคนท้องแรกๆร่วมกับสัญญาณคนท้องที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เช่น คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย หรือคัดเต้านม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการเตือนคนเริ่มท้องต่อเนื่องหลายวันหรือเริ่มแสดงอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 เดือน แต่ผลจากการตรวจด้วยตนเองยังไม่ชัดเจน การพบแพทย์จะช่วยแยกสาเหตุของอาการและประเมินว่าเป็นลักษณะคนท้องที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรือไม่

เนื้อหาอื่นๆ ที่คุณน่าจะสนใจ
ข้อห้ามหลังผ่าคลอด
9 ข้อห้ามหลังผ่าคลอดที่คุณแม่ควรรู้ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
ข้อห้ามหลังผ่าคลอด รู้จัก 12 ข้อห้าม เช่น ห้ามยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก
อ่านต่อคลิก
แผลผ่าคลอดไหมละลาย
แผลผ่าคลอดไหมละลาย ดูแลอย่างไรให้หายเร็ว ปลอดภัย พร้อมวิธีป้องกันภาวะแทรกซ้อน
แผลผ่าคลอดไหมละลายควรดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย? บทความนี้มีคำตอบครบ
อ่านต่อคลิก
การดูแลหลังคลอด
การดูแลหลังคลอดอย่างถูกวิธี พร้อมเคล็ดลับฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงเร็วขึ้น
การดูแลหลังคลอด เป็นช่วงสำคัญที่คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องการพักฟื้น
อ่านต่อคลิก