เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเพื่อลูกน้อย แบบกระชับเน้นเนื้อไม่เน้นน้ำ เพื่อพ่อแม่ โดยพ่อแม่ที่ขี้เกียจอ่านเยอะ
ทารกหายใจครืดคราด
เนื้อหานี้เหมาะสำหรับเด็กช่วงอายุ
ตั้งแต่
แรกเกิด
จนถึง
3 ขวบ

ทารกหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร เป็นอันตรายหรือไม่ ?

เนื่องจากเด็กเล็กยังไม่สามารถสื่อสารกับเราได้ ว่าเขาต้องการอะไร หรือ เขาเจ็บตรงไหน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ทุกคน ที่จะต้องใส่ใจถึงสิ่งผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็กของคุณ ในบทความนี้มาพร้อมกับเรื่องราวของอาการ “ทารกหายใจครืดคราด” อีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่มือใหม่ส่วนมาก กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร มาดูกันว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร อันตรายไหม และ มีวิธีรับมืออย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย !
สรุปคำถามสำคัญ ให้ตรงนี้แล้ว!  ถ้ารีบอ่านแค่นี้ไปดูลูกต่อได้เลย!
สรุปคำถามสำคัญ ให้ตรงนี้แล้ว!  ถ้ารีบอ่านแค่นี้ไปดูลูกต่อได้เลย!
1.

ทารกหายใจครืดคราด มีลักษณะอย่างไร ?

เสียงทารกหายใจครืดคราด เกิดได้หลายรูปแบบ แต่ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า เสียงคล้าย ๆ กับการนอนกรน

2.

ทารกหายใจครืดคราด มีอันตรายไหม ต้องหาหมอหรือเปล่า ?

อาการทารกหายใจครืดคราด เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางสาเหตุก็ไม่อันตราย หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์แบบเร่งด่วน

3.

ทารกหายใจครืดคราด บิดตัวหลังจากดื่มนมเสร็จ ทำอย่างไรดี ?

อาจเกิดจากปัญหา “กรดไหลย้อนในเด็ก” คุณแม่ต้องปรับพฤติกรรมการให้นมลูก ไม่ควรให้ลูกดื่มนมเสร็จปุ๊บ แล้วก็ให้น้องนอนราบไปกับพื้นเลยในทันที

4.

ทารกหายใจครืดคราด แบบไหนต้องรีบพบแพทย์ ?

หากทารกหายใจครืดคราดต่อเนื่อง ร่วมกับมีอาการผิดปกติอย่างเช่น มีอาการไอ , หายใจด้วยปาก , ดูดนมไม่ต่อเนื่อง , มีอาการหายใจดัง “เฮือก !” หรือ หายใจเกิน 60 ครั้ง/นาที ให้รีบพบแพทย์โดยด่วนที่สุด

ทำความรู้จักกับปัญหา “ทารกหายใจครืดคราด” เรื่องกังวลใจของเหล่าคุณแม่มือใหม่

ทารกมักจะหายใจครืดคราดในตอนกลางคืน

ทุกครั้งที่ทารกหายใจครืดคราด คงทำให้บรรดาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนใจหวิวไปตาม ๆ กัน ซึ่งที่จริงแล้วเสียงครืดคราดไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กทารกทุกคน แต่ ! อาการนี้ก็อาจไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรงเสมอไป มีหลายปัจจัยที่ทำให้เด็กหายใจครืดคราดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • หลอดลมยังไม่แข็งแรง ในทารกที่อายุไม่ถึง 4 เดือน บริเวณหลอดลมจะยังไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะคงสภาพที่สมบูรณ์ได้ตลอด ทำให้บางช่วงเวลาอาจมีการตีบ จนเกิดเป็นเสียงเวลาหายใจ

 

  • เป็นหวัด ในขณะที่เป็นหวัดเด็กทารกมักจะมีน้ำมูก หรือ เสมหะ ซึ่งจะทำให้การหายใจทำได้ยากลำบาก จนทำให้เกิดเสียงครืดคราดเวลาหายใจ และ หลังจากหายก็ยังมีโอกาสเกิดเสียงครืดคราดได้ถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว

 

  • แพ้โปรตีนจากนมวัว เป็นอาการที่อาจพบได้ไม่บ่อยมากนัก มักจะมาพร้อมอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น การขับถ่ายผิดปกติ มีผื่นคัน อาเจียน ซึ่งแม้ทารกจะไม่ได้ดื่มนมวัวเข้าไปตรง ๆ แต่ถ้าคุณแม่ที่ให้นมรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของนมวัว ก็ทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน

 

  • กรดไหลย้อน เนื่องจากบริเวณหูรูดของทารก ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กรดภายในกระเพาะ ไหลย้อนขึ้นมาหลอดอาหารของทารกยังไม่แข็งแรงเพียงพอ จึงทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ง่าย

 

  • อาการผิดปกติในระบบหายใจ หากเกิดอาการหายใจครืดคราดติดต่อกันนาน และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย นับว่าค่อนข้างเป็นอาการที่น่าเป็นห่วง เพราะอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้ง เนื้องอกในระบบหายใจ ปอดไม่แข็งแรง และ ปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางเพียงเท่านั้น

 

  • ภาวะ Overfeeding เกิดจากการที่ทารก “ดื่มนมมากจนเกินความต้องการ” ซึ่งอาจทำให้นมนั้นล้นจากกระเพาะอาหาร จนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของเสียงครืดคราดนั่นเอง

 

  • ปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เสียงครืดคราดระหว่างทารกกำลังหายใจ สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายนอกที่มากระตุ้นได้หลายอย่าง เช่น ฝุ่นควัน , อากาศเย็นเกินไป และ ควันบุหรี่มือ 2 จากคนในครอบครัว

 



วิธีรับมือเมื่อทารกหายใจครืดคราด

อย่างที่เรากล่าวไปในช่วงต้น ว่าอาการทารกหายใจครืดคราดเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย บางปัจจัยอาจไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่บางครั้งก็เป็น “สัญญาณเตือน” ถึงปัญหาทางสุขภาพบางอย่างที่ลูกของคุณกำลังเผชิญอยู่ ถ้าตอนนี้คุณกำลังเจอกับปัญหาลูกหายในมีเสียงครืดคราดอยู่แล้วล่ะก็ สามารถใช้วิธีการรับมือดังนี้

ทารกนอนหลับสบาย

ไม่ละเลย ไม่มองข้าม สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

การที่ทารกในวัยแรกเกิดถึง 4 เดือนโดยประมาณ หายใจครืดคราดตอนกลางคืน โดยไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ถือว่ายังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ จากสาเหตุ “หลอดลมยังไม่แข็งแรง” แต่ก็ต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ห้ามละเลยเป็นอันขาด

เข้าใจถึงต้นตอของปัญหา และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงดูให้เหมาะสม

เมื่อเกิดอาการทารกหายใจครืดคราด หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนคือ “ตามหาต้นตอของปัญหา” ต้องรู้ให้ได้ว่าปัญหานี้เกิดจากอะไรกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ารู้ว่าสาเหตุเกิดจาก “กรดไหลย้อน” ก็ต้องปรับพฤติกรรมการให้นม หรือ ถ้าเกิดจาก “การแพ้นมวัว” คุณแม่ก็ต้องงดอาหารที่ทำจากนมวัว เป็นต้น

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อมองหาวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง

สุดท้ายแล้วการให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วินิจฉัย ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะทารกที่มีอาการหายใจครืดคราดพร้อมด้วยอาการอื่น ๆ เช่น ไอ , จาม , หายใจหวีด , หายใจเฮือก และ หายใจด้วยปาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคหอบหืด รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่จะต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว

 



บทส่งท้าย

หวังว่าบทความนี้ของเรา จะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังประสบปัญหา “ทารกหายใจครืดคราด” คลายความกังวลลงไปได้บ้าง สำหรับผู้ที่อยากได้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็ก My Little Hug พร้อมแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ให้กับ “คุณแม่มือใหม่” ทุกท่าน ด้วยเนื้อหาที่กระชับ ได้ใจความ

เนื้อหาอื่นๆ ที่คุณน่าจะสนใจ
ทารกร้องไห้ นอนไม่หลับ
แม่เหนื่อยมากเมื่อ ทารกร้องไห้ ไม่ยอมนอนสักที แก้ยังไงดี
สรุปสาเหตุทารกร้องไห้ไม่ยอมนอน เพราะอะไร ส่งผลต่อพัฒนาการไหม และวิธีแก้ไข
อ่านต่อคลิก
ทารกท้องผูก แก้ปัญหาอย่างไรให้ลูกสบายท้อง
อาการของทารกท้องผูก ลักษณะเป็นยังไง อันตรายไหม และวิธีป้องกัน
อ่านต่อคลิก
อาการของเด็กทารกหายใจแรง ติดขัด หายใจไม่สะดวก
ทารกหายใจแรง เสียงดัง แบบนี้เป็นอันตรายไหม?
เข้าใจสาเหตุที่ทารกหายใจแรง สังเกตอาการอย่างไร อันตรายไหม ดูแลยังไง
อ่านต่อคลิก